ปรับตัวเตรียมใจก่อนพาเด็กไทยลุย “กัวลาลัมเปอร์”

ออร์คิด ด.ญ.อุรัสยา แพรกทอง
นักเรียนสาธิตเกษตร รุ่น 53 ป.1/2 KUS 53

หลังจากที่ดีใจกับผลสอบที่น้องออร์คิดสามารถสอบติดเข้าเรียนใน รร. สาธิตแห่งมหาวิยาลัยเกษตรศาสตร์ได้แล้ว สิ่งที่น่าดีใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ คุณพ่อของน้องได้รับคัดเลือกจากราชการให้ไปประจำการในต่างประเทศ ประเทศที่ต้องไปคือ มาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านเรือนเคียงใกล้เรานั่นเอง

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเราที่จะต้องจากครอบครัวที่อยู่แบบครอบครัวขยาย มี ปู่ย่า ตายาย ลุงป้า น้าอา เพื่อนฝูงที่สนิท มากมายรายล้อม สำหรับพ่อแม่คงไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก แต่สำหรับลูกแล้วเรื่องนี้ “เรื่องใหญ่” 

หลังจากสอบติดน้องออร์คิดได้มีโอกาสเข้าเรียนในรร.สาธิตเกษตรได้เพียง 1 เทอม เท่านั้น เนื่องจากน้องต้องลาเรียนและเดินทางตอนสิ้นปี

ใน 1 เทอมนั้นน้องก็มีโอกาสได้รู้จัก ได้เล่น ได้สนุกกับเพื่อนๆ และสนิทกับเพื่อนๆ เข้ากันกับทุกๆ คนได้ดี ได้รับการสั่งสอนจากอาจารย์ที่น่ารัก น้องมีความตั้งใจในการเรียน การสอบ จนผลการเรียนก็ออกมาดีทั้ง 2 ครั้ง

แต่ในขณะเดียวกัน พ่อและแม่ก็ต้องเตรียมตัวน้องไปพร้อมๆ กันเพื่อความพร้อมในการที่จะไปประจำการต่างประเทศ  ถือว่าเป็นการบ้านหนักของพ่อแม่เลยทีเดียว

ดังนั้นในการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆให้ลูก สิ่งแรกที่ต้องทำคือ

1. ด้านภาษา ต้องทำการบ้านค่อนข้างหนักเหมือนกัน โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ซึ่งที่ผ่านมาเราต่างโฟกัสที่วิชาการเพื่อใช้ในการสอบเข้าสาธิตจนภาษาอังกฤษอ่อนลงไปเยอะ จึงต้องเริ่มใหม่

ด้วยเวลาไม่เยอะมาก จึงจำเป็นต้องพาน้องเข้าคลาสกับครูต่างชาติบ่อยๆ แรกๆ น้องออร์คิดไม่ค่อยมีความกล้าเท่าไรนักในการเรียนกับครูต่างชาติ แต่สักพัก ความมั่นใจก็เกิดขึ้น จนทำให้น้องไม่กลัวทั้งการฟัง การพูด หรือครูต่างชาติ

2. ด้านร่างกาย ด้วยความที่แม่เป็นพยาบาลจึงต้องเตรียมเรื่องต่างๆ ด้านสุขภาพให้ดีๆ วัคซีนลูกที่จำเป็นตั้งแต่แรกเกิดต้องครบทุกตัว ยาที่จำเป็นที่ต้องนำไปใช้ในต่างประเทศ เพราะเท่าที่ทราบ ระบบของโรงพยาบาลที่นี่ไม่สะดวกสบายเหมือนบ้านเรานัก รอคิวนาน อีกทั้งต้องเตรียมร่างกายน้องให้แข็งแรง

3. ด้านจิตใจ พ่อแม่จะมีการพูดคุยเสมอว่าเมื่อไปอยู่ต่างประเทศจะเป็นอย่างไรบ้าง เช่น เคยอยู่กันเยอะๆ ก็จะเหลืออยู่กันในบ้าน 3 คน พ่อแม่ลูก (เพราะออร์คิดเป็นลูกคนเดียว) ต้องแยกจากเพื่อนที่สนิทจาก รร.เก่า และจะต้องไปทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ที่ต่างประเทศ ซึ่งก็บอกลูกว่าเราจะมีเพื่อนเพิ่มขึ้นอีกเยอะ รวมถึงผู้ใหญ่ เพื่อนร่วมงานของคุณพ่อ

4. ด้านสังคมและวัฒนธรรม ออร์คิดได้รับการเตรียมพร้อมก่อนไปอยู่ประเทศมาเลเซีย ให้รู้ถึงประวัติศาสตร์ของประเทศนี้ ภาษาประจำชาติ ศาสนา สังคม วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีที่แตกต่างจากบ้านเราพอสมควร เนื่องจากคนส่วนใหญ่ที่นี่นับถือศาสนาอิสลาม และประเทศนี้ประกอบไปด้วยคนหลายๆ เชื้อชาติอยู่ร่วมกัน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเตรียมตัวลูกมากๆ ในทุกๆ ด้าน เพื่อที่ว่าเมื่อเดินทางมาถึง ลูกจะได้ไม่ตกใจ หรือที่เราเคยได้ยินคำว่า “culture shock”

ออร์คิด in กัวลาลัมเปอร์

(ถ่ายหน้าสถานทูตไทยประจำประเทศมาเลเซีย)

มีเหมือนกันบางครั้งออร์คิดเข้ามาถามแม่ เมื่อเห็นเพื่อนต่างชาติในห้องเรียนหาวเสียงดัง แต่ทำไมครูถึงไม่ดุไม่ว่า ทำไมไม่เหมือนที่ไทย เช่นนี้ พ่อแม่ก็จะต้องมีหน้าที่อธิบายให้ลูกฟังและยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมของไทย การไหว้ผู้ใหญ่ที่ รร. จะ say hi แต่เราก็ยังเน้นสอนลูกเวลาเจอคนไทยต้องไหว้เสมอ จนตอนนี้ลูกยกมือไหว้ฝรั่ง ด้วยความที่สับสน 555

ทั้งหมดคือการเตรียมตัวลูกก่อนมา ซึ่งเมื่อมาถึงก็พบว่า ลูกสามารถปรับตัวได้ดี ทั้งการใช้ชีวิตประจำวัน การไป โรงเรียน ลูกชอบไปโรงเรียนมากๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษเป็นประโยคยาวๆได้ แต่ทิชเช่อ ชมว่าออร์คิดมีความพยายาม ปรับตัวได้ดี เข้ากับเพื่อนๆ ได้ แต่ยังไม่ค่อยมั่นใจในการพูดประโยคยาวๆ ซึ่งก็คงต้องอาศัยเวลา

ผลการเรียนที่มาเลเซียเทอม 1 ออกมาแล้วพบว่าลูกทำคะแนนได้ดีในทุกด้าน และสตรองในวิชาเลข (เด็กไทยยังไงก็เก่งกว่าเด็กนอกคร้า) 

ออร์คิด in เคแอล

(ออร์คิดที่โรงเรียนในเคแอล)

ออร์คิดคงจะมีโอกาสได้ต้อนรับเพื่อนๆ จากไทยที่ตั้งใจมาเที่ยวประเทศนี้ ประเทศเพื่อนบ้านของเราเอง ประเทศมาเลเซีย ประเทศที่เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียว ภูเขามากมาย ภูมิประเทศเหมือนภาคใต้ของไทย เมืองหลวงชื่อ “กัวลาลัมเปอร์” หรือที่ทุกคนเรียกสั้นๆ ว่า เคแอล 

“กัวลาลัมเปอร์” มีความหมายว่า แม่น้ำที่เป็นโคลนมาบรรจบกัน แม่น้ำกอมบักและแม่น้ำคลาง เมื่อพูดถึงเคแอล ก็จะนึกถึงตึกแฝด หรือ ตึกเปโตรนาส ซึ่งสูงระย้าฟ้า เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก (ปัจจุบันสูงเป็นอันดับ 3 และ 4) มีทั้งหมด 88 ชั้น สูง 452 เมตร สัญลักษณ์แห่งเทคโนโลยีและความทันสมัย ทุกอย่างปกคลุมกัวลาลัมเปอร์อยู่ทุกอณู แต่ทั่วๆ เมืองก็ยังมีอาคารเก่าแก่และมัสยิดแทรกตัวอยู่

สถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำ เช่น Merdeka Square ซึ่งถ้าเปรียบก็คล้ายๆ สนามหลวงบ้านเรา จตุรัสแห่งนี้เป็นที่ตั้งของเสาธงที่สูงที่สุดในโลก ธงชาติประจำมาเลเซียได้รับการชักขึ้นสู่ยอดเสา เมื่อเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 1957 หลังจากได้รับเอกราชจากประเทศอังกฤษ

เกร็ดน่ารู้ในประเทศมาเลเซีย

1. เวลาของประเทศมาเลเซียเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง
2. ใช้สกุลเงินริงกิตมาเลเซีย
3. คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม จึงมักจะเห็นมัสยิดอยู่ทั่วไป (ของคนไทยก็คือวัด)
4. การขับรถ ขับพวงมาลัยทางขวาเหมือนเมืองไทย
5.ใช้ภาษามาเลย์เป็นภาษาราชการ
6. ซาลามัตปากี ก็คือ สวัสดีบ้านเรา
7. มีสวนสนุกเลโก้แลนด์แห่งแรกในเอเชียอยู่ที่รัฐยะโฮ
8. เมืองมะละกาเป็นเมืองปลอดบุหรี่แห่งแรกในประเทศ
9.  ทางมาเลเซียไม่อนุญาตให้รถติดฟิล์มเข้มมากๆ เข้าเมือง
10. เบอร์โทรศัพท์ในการเเจ้งเหตุฉุกเฉินกับตำรวจคือ 999

ที่เหลือออร์คิดขอไปศึกษาและทำการบ้านเพิ่ม เผื่อมีโอกาส ถ้าเพื่อนๆ ได้มาจะได้เป็นไกด์พาเที่ยว เจอกันอีกที ป. 5 ที่สาธิตเกษตรค่ะ 

«เรื่องที่เกี่ยวข้อง»

พ่อแม่เด็กสาธิต ต้องอย่างนี้
คุณพ่อไอที แนะปิดทีวีและมือถือ อ่านหนังสือดีกว่า
คุณแม่ใจสู้พาลูกสอบเข้าสาธิตประสานมิตร
ลุ้นผลลูกคนแรกสอบเข้าสาธิตเกษตร 
ลุ้นผลลูกคนที่สองให้เรียนที่เดียวกับพี่
สัมภาษณ์ครอบครัวน้องทอฝันและทอฟ้า (พี่แก้มป่องกะน้องน้ำปั่น)
เปิดใจคุณแม่เด็กโครงการพิเศษ ขอบคุณที่ให้โอกาส แนะเลี้ยงดูลูกอย่างใกล้ชิด
แนะนำแบบฝึกหัดสอบเข้าสาธิต

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *